“ราวกับตกอยู่ในภวังค์… เสมือนภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นและคล้ายกับจะเป็นภาพฝันในโลกแห่งความจริง ณ ห้วงขณะที่ร่างกายของฉันกำลังถูกเขาคนนั้นพันธนาการ”
ห่างหายจากการจัดนิทรรศการไปนานกว่า 6 ปี คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง ช่างภาพแฟชั่นโฆษณามืออาชีพกลับมาพร้อมกับความหลงใหลใน “ศาสตร์แห่งการมัด” เริ่มต้นจากมองผ่านศิลปะการใช้เชือกเพื่อความสุขทางเพศ เกิดเป็นความงดงามจากการรัด เมื่อก้าวผ่านช่วงเวลาหนึ่ง คเชนทร์กลับมองเป็นความงามของร่างกาย และถอยมาสู่การตั้งคำถามกับค่านิยม การให้ความหมายต่อความหลงใหลที่อาจถูกมองว่า วิปริต หลายครั้งที่ภาพถ่ายอาจทำให้เราคิดสงสารบุคคลที่อยู่ในภาพ แต่แท้จริงแล้ว นี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขก็เป็นได้
เกิดเป็นนิทรรศการภาพถ่าย “MERGE” ที่เป็นเหมือนการเดินทางผ่านเทคนิคและความประณีตของเงื่อน รวมถึงการเติบโตทางความรู้สึกที่เหนือไปกว่าการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ แต่คเชนทร์ มุ่งหวังที่จะสะท้อนความรู้สึกของผู้ถูกมัด ผู้มัด และมุมมองผ่านเลนส์ของศิลปินเอง เกิดเป็นการตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบผ่านร่างกาย สายตา และประสาทสัมผัส
“ร่างกาย”
เส้นสายของเชือกป่านที่ค่อยๆ ไล้ผ่านเรียวแขนข้างหนึ่ง ข้ามพาดเหนือเนินอก ก่อนไปกระหวัดรัดยังลำแขนอีกข้าง ทบแล้วทบเล่า ช่างเป็นสัมผัสที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม หลงใหล และหวั่นหวาดในคราเดียวกัน
เคลิ้ม… ด้วยสองมือนั้นที่แผ่ซ่านไออุ่นแตะสัมผัสกายฉันในบางจังหวะ
หลงใหล… ในปริศนาของเส้นเชือกที่ไขว้ขัดยึดโยงตำแหน่ง ต่างๆ บนร่างกาย
หวาด… ด้วยก้นบึ้งของส่วนลึกในจิตใจมนุษย์ย่อมกลัวการถูกจองจำ ทว่าทุกกิริยาทั้งหมดนั้นยังคงดำเนินไปจนทั่วทั้งเรือนกายพรายพร้อยไปด้วยเกลียวเชือกที่งดงามอย่างประหลาด เหตุผลที่ฉันอนุญาตให้เขายึดอิสระแห่งเรือนร่างเอาไว้น่ะหรือ ก็เพราะมั่นใจว่าในทุกเกลียวเชือกคือความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันที่ร้อยเรียงเป็นหนึ่งสัญญาใจที่ไร้ข้อผูกมัดของนักพันธนาการและฉัน “จำเลยชั่วคราว”
“สัมผัส”
จะว่าเป็นความรับผิดชอบก็คงใช่ แต่คงเพราะเสน่หามากกว่าที่ทำให้ฉันอยากจะยึดโยงเส้นเชือกไว้บนส่วนต่างๆ ของร่างกายเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ฉันสัมผัสได้ถึงความหวาดวิตกในบางครา จากทั้งการกลั้นหรือผ่อนลมหายใจ ชีพจรที่เต้นแรงและอาการสะดุ้งเล็กน้อย แน่ล่ะ เพราะเธอไม่มีทางรู้เลยว่าฉันจะผูกและพันเธอตรงส่วนไหนและอย่างไร
สัมผัสจากฉันเท่านั้นที่จะช่วยปลอบประโลมให้เธอคลายกังวลและเรียกความมั่นใจกลับมาสู่เราทั้งคู่ ทวงคืนซึ่งความอ่อนช้อยของเรือนกายเธอในอ้อมแขนของฉัน และคงไว้ซึ่งความขึงขังในอารมณ์ ยามที่ฉันพันผูก หรือกระทั่งรั้งเธอให้ลอยขึ้นไปในอากาศ
“ดวงตา”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกองค์ประกอบของพฤติการณ์ตรงหน้า จะชวนให้ผมนึกไปถึงคำว่า คู่ขา ที่สนองอารมณ์ทางเพศระหว่างกันและกันในรูปแบบของ ความรุนแรง ผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ ทั้งเส้นเชือก ห่วงเหล็กที่ห้อยลงมาจากเพดาน ผ้าผูกตา และไหนจะปฏิกิริยาที่คนทั้งคู่มีต่อกันจะให้นึกเป็นอื่นได้อย่างไร
ต่อเมื่อผมจดจ่ออยู่กับความสัมพันธ์ตรงหน้านานเข้า เฝ้ามองลีลาการกระหวัดเชือกของผู้ที่กุมอำนาจ กับอาการสมยอมอยู่ในทีของผู้ที่รับบทถูกจองจำ กลับยิ่งรู้สึกห่างไกลจากความคิดแรกออกไปทุกที
เพราะในรายละเอียดของการร้อยเรียงเส้นเชือกที่สอดพันไปตามจังหวะ ขัดและยึดโยงอย่างมีหลักการ แฝงไว้ซึ่งความกลมกลืนระหว่างกิริยาอันอ่อนช้อยของเรือนร่างในอ้อมแขน กับความแข็งแรงขึงขังของการดึงเชือกแต่ละครั้งนั่นอีก
ผมจึงตระหนักได้ว่าศาสตร์และศิลป์ตรงหน้าเป็นมากกว่าการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ หากเป็นกลวิธีอันแยบคายในการบำบัดอย่างหนึ่ง บำบัดทุกข์ บำรุงสุขอย่างสาสม สุขที่เลือกแล้วในแบบที่จะเป็น ผูกมัด ยึดโยง คลี่คลาย และปล่อยไปตาม “หัวใจ”
สำหรับนิทรรศการครั้งนี้จะจัดแสดงอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 9-26 สิงหาคม 2561 ที่ YELO House เปิดให้เข้าชมเวลา 11:00-20:00 น. ปิดทุกวันอังคาร
RECOMMENDED CONTENT
ภาพยนตร์อันน่าสนใจโดยผู้กำกับมัวร์คาร์เบล เรื่องนี้ได้ตามติดและถ่ายทอดชีวิตของเลดี้ กาก้าตลอดระยะเวลา 8 เดือน